ผ่อนคอนโดเดือนละเท่าไหร่? สอนจัดงบฉบับมนุษย์เงินเดือน
พี่มนุษย์ที่อยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง มักตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า ผ่อนคอนโดเดือนละเท่าไหร่ ถึงจะไหวกับตัวเรา? โดยหลักการที่หลาย ๆ คนใช้ก็คือ เงินผ่อนคอนโดรวมไปถึงหนี้สินอื่น ๆ ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ และระยะก็ยาวนานถึง 10–30 ปี หากเผลอซื้อคอนโดโดยที่ไม่ได้พิจารณาก่อนว่ามีความสามารถในการผ่อนไหวมั้ย อาจทำการเงินของพี่ ๆ สะดุดยาวได้เลย
ถ้าอย่างนั้น มนุษย์เงินเดือนอย่างพี่ควรเริ่มต้นจากตรงไหน? บทความนี้เหมียวจะพาพี่มนุษย์ไปไขคำตอบกันว่า ซื้อคอนโดต้องมีเงินเท่าไหร่ ผ่อนคอนโดเดือนละเท่าไหร่ถึงจะไม่เกินตัว พร้อมการจัดการรายจ่ายหลังมีคอนโด ที่จะช่วยให้การเงินของพี่ไม่ลำบากเกินไป แถมยังมีเงินเก็บออมระหว่างผ่อนอีกด้วย
ก่อนซื้อ ก่อนจอง ต้องวางแผน
อันดับแรก พี่มนุษย์ต้องเคลียร์ใจกับตัวเองให้ก่อนว่า ถ้าเทียบกับรายได้ที่มีตอนนี้ เรามีกำลังผ่อนคอนโดเดือนละเท่าไหร่ เพราะมีพี่ ๆ บางคนรีบตัดสินใจซื้อคอนโดจากโปรโมชันหรือราคาห้องที่ดูเข้าถึงได้ แต่พอต้องจ่ายทุกเดือนจริง ๆ ก็ช๊อตมากจนทำให้มีเงินไม่พอใช้ ต้องเอาเงินเก็บมาโปะ หรือบางคนถึงขั้นต้องกู้ยืม จนทำให้เป็นหนี้หลายทาง
ฉะนั้น พี่มนุษย์ต้องศึกษาข้อมูล แล้ววางแผนงบประมาณก่อนซื้อ จะช่วยให้พี่จัดสรรเงินเดือนได้อย่างเป็นระบบ โดยประเมินความสามารถในการผ่อนเพื่อให้ยังมีเงินใช้ชีวิตทุกเดือน มีเงินเก็บสำรองยามฉุกเฉิน และสามารถตั้งเป้าหมายหาเงินได้ชัดเจนขึ้นว่า ซื้อคอนโด ต้องมีเงินเท่าไรถึงจะพอ
ซื้อคอนโด ต้องมีเงินเท่าไหร่?
การเตรียมตัวซื้อคอนโด พี่มนุษย์ต้องคำนวณและเตรียมเงินหลัก ๆ อยู่ 3 ส่วน ได้แก่
เงินดาวน์ – เป็นส่วนแรกที่ต้องจ่าย
วงเงินกู้ – คำนวณจากรายได้และดอกเบี้ย ว่าธนาคารจะอนุมัติให้กู้ได้เท่าไหร่
เงินผ่อนรายเดือน – คำนวณจากวงเงินกู้ และความสามารถในการผ่อน
เงินดาวน์ต้องเตรียมเท่าไหร่?
นอกจากวงเงินกู้แล้ว พี่ ๆ ที่จะซื้อคอนโดยังต้องเตรียมเงินดาวน์ (Down Payment) ไว้ด้วย ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 10–20% ของราคารวมคอนโด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร และสัดส่วนวงเงินกู้ต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan to Value: LTV) ด้วยนะ โดยยิ่งวางเงินดาวน์มาก ก็จะช่วยลดภาระกู้ และทำให้ค่าผ่อนรายเดือนน้อยลง
ยกตัวอย่าง ถ้าคอนโดราคา 2.5 ล้านบาท เงินดาวน์ขั้นต่ำจะอยู่ที่ประมาณ 250,000 – 500,000 บาท แต่เงินดาวน์ ที่ต้องเตรียมจริง คือ ส่วนต่างระหว่าง ราคารวม – วงเงินกู้ที่ได้จริง ซึ่งอาจมากกว่าขั้นต่ำ
เช่น หากธนาคารอนุมัติวงเงินกู้ 1.8 ล้านบาท
เงินดาวน์ที่ต้องจ่ายจริงจะเท่ากับ 2.5 ล้าน - 1.8 ล้าน = 700,000 บาท หรือประมาณ 28% ของราคารวม
วงเงินกู้ซื้อคอนโดเบื้องต้น คิดยังไง?
ธนาคารจะพิจารณาวงเงินจาก อัตราการผ่อนชำระไว้ไม่เกิน 40% ของรายได้ เพื่อหาค่าผ่อนคอนโดสูงสุดที่ควรจ่ายให้ได้ก่อน จากนั้นคูณด้วย 150 ซึ่งเป็น "ค่าประมาณจำนวนงวด" ที่ธนาคารใช้เพื่อการคำนวณคร่าว ๆ โดยสูตรที่ใช้คำนวณ:
(รายได้ของผู้กู้ x 40%) x 150 = วงเงินที่สามารถกู้ได้
ยกตัวอย่างเช่น พี่มนุษย์ A มีรายได้ต่อเดือน 30,000 บาท มีแผนจะซื้อคอนโดราคา 2.5 ล้านบาท จึงต้องคำนวณหาค่าผ่อนคอนโดและวงเงินที่กู้ได้ คือ
หาค่าผ่อนสูงสุดที่ควรจ่าย = 30,000 x 40% = 12,000 บาท (แต่อย่าลืมว่า ตัวเลขนี้ไม่เท่ากับค่าผ่อนที่เราจะจ่ายไหวนะ)
วงเงินที่สามารถกู้ได้ = 12,000 x 150 = 1,800,000 บาท
ค่าผ่อนคอนโดต่อเดือน เท่าไหร่เราถึงจะจ่ายไหว?
ค่าผ่อนคอนโดที่เราจะจ่ายไหว รวมถึงหนี้สินอื่น ๆ ที่พี่มนุษย์ต้องจ่ายต่อเดือน ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ โดยหลักการนี้เราเรียกกันว่า สัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) ซึ่งเป็นแนวทางที่สถาบันการเงินและนักการเงินส่วนใหญ่แนะนำ วิธีคำนวณก็คือ
(เงินเดือน x 40% - หนี้สินที่มี) = ความสามารถในการผ่อนชำระ
ยกตัวอย่างเช่น พี่มนุษย์ B มีรายได้ 30,000 บาท อยากได้คอนโดแห่งหนึ่ง มูลค่า 2 ล้านบาท แต่มีภาระที่ต้องผ่อนค่ารถ 7,500 บาทต่อเดือน
ค่าผ่อนคอนโดจริง ๆ ที่สามารถผ่อนได้ = (30,000 x 40%) - 7,500 = 4,500 บาท
ยังไงก็ตาม ถ้าพี่มนุษย์อยากรู้ว่าซื้อคอนโดต้องมีเงินเท่าไร แต่ไม่ถนัดคำนวณค่าคอนโดให้ปวดหัว เหมียวทำตารางเทียบตัวเลขมาให้พี่ ๆ ศึกษามาให้แล้วนะ ดูตามด้านล่างได้เลย
เงินเดือน (บาท) | ค่าผ่อนคอนโดสูงสุด (บาท) | วงเงินกู้สูงสุด (บาท) |
---|---|---|
15,000 | 6,000 | 900,000 |
20,000 | 8,000 | 1,200,000 |
25,000 | 10,000 | 1,500,000 |
30,000 | 12,000 | 1,800,000 |
35,000 | 14,000 | 2,100,000 |
40,000 | 16,000 | 2,400,000 |
45,000 | 18,000 | 2,700,000 |
50,000 | 20,000 | 3,000,000 |
55,000 | 22,000 | 3,300,000 |
60,000 | 24,000 | 3,600,000 |
65,000 | 26,000 | 3,900,000 |
70,000 | 28,000 | 4,200,000 |
75,000 | 30,000 | 4,500,000 |
80,000 | 32,000 | 4,800,000 |
85,000 | 34,000 | 5,100,000 |
90,000 | 36,000 | 5,400,000 |
95,000 | 38,000 | 5,700,000 |
100,000 | 40,000 | 6,000,000 |
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการคำนวณว่า ผ่อนคอนโดเดือนละเท่าไรได้ เช่น
ประวัติการชำระหนี้ (เครดิตบูโร) ถ้าดี ธนาคารจะปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น
ระยะเวลาการผ่อน ยิ่งเลือกผ่อนนาน ค่างวดต่อเดือนก็จะยิ่งน้อย แต่ดอกเบี้ยรวมจะสูงขึ้น
หนี้สินที่มีอยู่แล้ว เช่น บัตรเครดิต ผ่อนรถ หรือกู้ยืมอื่น ๆ ก็จะลดความสามารถในการผ่อนคอนโดลง
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด พี่ควรเช็กให้ชัดว่าตัวเองไหวจริงแค่ไหน เพื่อป้องกันการผ่อนเกินตัวและทำให้ การผ่อนคอนโด กลายเป็นภาระในอนาคต
5 เคล็ดลับ "การผ่อนคอนโด" ให้ไม่กระทบเงินออม
เมื่อรู้แล้วว่า ผ่อนคอนโดเดือนละเท่าไหร่ถึงจะไหว ขั้นต่อไปคือ การจัดการไม่ให้ภาระผ่อนคอนโดไปกระทบเงินออม เพราะไม่ได้มีแค่การผ่อนคอนโดอย่างเดียว แต่ยังมีทั้งค่าดาวน์ ค่าส่วนกลาง ค่าซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายประจำในชีวิตประจำวัน หากไม่วางแผนให้ดี อาจทำให้การเงินตึงตัวจนเก็บเงินไม่อยู่ ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้พี่ผ่อนคอนโดได้อย่างสบายใจมากขึ้น
1. ประเมินความสามารถในการกู้และผ่อนชำระ
ก่อนจะตัดสินใจซื้อคอนโด ต้องมีเงินเท่าไร พี่ควรเริ่มจากการประเมินความสามารถในการผ่อนชำระด้วยสูตรข้างต้นที่เหมียวแนะนำข้างต้น จะช่วยให้รู้เพดานที่แท้จริงของตนเอง และหลีกเลี่ยงการกู้เกินกำลัง
2. วางแผนระยะเวลากู้
โดยปกติแล้ว ธนาคารจะปล่อยกู้ให้พี่ ๆ ผ่อนคือได้นานสุด 30 - 40 ปี เพราะฉะนั้น ถ้าพี่ยิ่งอายุเยอะเท่าไหร่ ระยะเวลาผ่อนคอนโดก็จะน้อยลง ค่าผ่อนก็จะเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่ผลอนุมัติกู้จะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะฉะนั้น วางแผนกู้เงินดี ๆ นะ ว่าจะเริ่มกู้ตอนอายุเท่าไหร่
3. เตรียมเงินออมไว้สำหรับเงินดาวน์
โดยทั่วไปการกู้ซื้อคอนโดจะต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำ 10–20% ของราคาห้อง หากมีการเก็บเงินก้อนนี้ล่วงหน้า จะช่วยลดภาระผ่อนคอนโด เดือนละเท่าไร ลงได้มาก และยังทำให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
4. ขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม
หลังผ่อนคอนโดครบ 3 ปี ดอกเบี้ยมักจะหมดโปรฯ และลอยตัวขึ้น พี่สามารถลดดอกเบี้ยได้ 2 วิธี คือ "Retention" ขอปรับดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม หรือ "Refinance" ไปกู้ธนาคารใหม่ที่ถูกกว่า ถ้ามีประวัติผ่อนดี Retention อาจคุ้มกว่าเพราะไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่ถ้าเจอเรทใหม่ที่ถูกกว่ามาก Refinance ก็ช่วยเซฟเงินได้เยอะ
5. มีเงินสำรองฉุกเฉิน
การผ่อนคอนโดคือ ภาระระยะยาว 10–30 ปี ตลอดช่วงนี้อาจมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น ตกงาน เจ็บป่วย หรือรายได้ลดลง การกันเงินสำรองไว้ 3–6 เท่าของรายจ่ายรายเดือน จะช่วยให้มั่นใจว่าพี่ยังผ่อนคอนโดได้แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ข้อดีของการวางแผนการเงินเมื่อรู้ชัดเจนแล้วว่า ผ่อนคอนโดเดือนละเท่าไร คือ พี่สามารถจัดสรรเงินเก็บให้สอดคล้องกับเป้าหมายอื่น ๆ ระหว่างผ่อนคอนโดไปพร้อมกันได้ เช่น การออมเพื่อเกษียณ การลงทุน หรือการศึกษาของลูก ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินในอนาคตอีกต่อไป
จัดการรายจ่ายหลังซื้อคอนโดให้ไม่ช็อตสิ้นเดือนง่ายๆ ด้วย การจดรายจ่ายกับ "เหมียวจด"
การผ่อนคอนโดจะไม่หนักเกินไป ถ้าวางแผนรายจ่ายอย่างเป็นระบบ โดยการ "จดรายจ่าย" ช่วยแยกสัดส่วนชัดเจนระหว่างค่าผ่อนคอนโด รายจ่ายประจำวัน และเงินเก็บ อีกทั้งการบันทึกและตรวจเช็กทุกวันยังทำให้รู้สถานะการเงินแบบเรียลไทม์ ป้องกันการใช้เงินเกินตัวหรือรูดบัตรจนเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว
สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นจดรายจ่าย แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เหมียวขอแนะนำ แอปเหมียวจด ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการงบผ่อนคอนโดได้ง่ายขึ้น ด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้หลากหลาย
บันทึกรายจ่ายแบบอัตโนมัติจากสลิปโอนเงิน เพิ่มความสะดวกให้การจดง่ายขึ้น
แบ่งหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายได้ เช่น ค่าผ่อนคอนโด เงินดาวน์ เงินสำรองฉุกเฉิน เป็นต้น
สร้างแท็ก # เพื่อติดตามการใช้จ่ายได้ ช่วยคนที่เพิ่งซื้อคอนโดและต้องการคุมงบได้อย่างดี เช่น #ผ่อนคอนโด #ค่าส่วนกลาง หรือ #ของแต่งห้อง
มีกราฟสรุปค่าใช้จ่าย ดูเทียบรายสัปดาห์-รายเดือนได้ง่าย ๆ ปรับงบการเงินได้ดีขึ้น ป้องกันการใช้เงินเกินตัว
สุดท้ายแล้ว การผ่อนคอนโดจะไหวไม่ไหวอยู่ที่วินัยการเงินของพี่เอง แต่ถ้ามีเหมียวจด ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นแบบไม่ต้องคิดเยอะเลย
เรื่องราวที่เหมียวแนะนำ

เคล็ดลับการบริหารเงินแบบง่ายๆ สูตรมนุษย์เงินเดือน
การบริหารเงินช่วยให้พี่มนุษย์ใช้จ่ายอย่างมีสติและมีเงินออมทุกเดือน อีกทั้งยังมีเงินลงทุนต่อได้ โดยสามารถนำวิธีบริหารเงินไปใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

เงินสะดุด ชีวิตสะเทือน ปัญหาเรื่องเงินในครอบครัวแก้ยังไง?
ปัญหาเรื่องการเงินในครอบครัว เป็นปัญหาที่อาจกระทบต่อความสัมพันธ์และสุขภาพอย่างหนัก จึงต้องรีบแก้ปัญหาก่อนที่จะบานปลายจนจัดการได้ยาก

คู่มือการเงินสำหรับเสาหลักของครอบครัว วางแผนอนาคตแบบไม่สะดุด
เสาหลักของครอบครัวจะผ่านทุกวิกฤติทางการเงินไปได้ด้วยดี ถ้ารู้วิธีวางแผนทางการเงิน และได้กำลังใจสำคัญจากคนในบ้านที่พี่รัก เช่น คู่ชีวิต ลูก และญาติพี่น้องที่ไว้ใจ