Active กับ Passive Income ต่างกันยังไงนะ? สรุปให้แบบไหนที่เหมาะกับคุณ
เหมียวชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า Active Income กับ Passive Income กันมาบ้าง สองคำนี้ดูเหมือนจะใกล้ชิดกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ในชีวิตเราอยู่เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วมันต่างกันยังไงนะ? แบบไหนเหมาะกับคนทำงานประจำ แบบไหนที่คนชอบลงทุนจะต้องรู้? หรือจริง ๆ แล้วพี่สามารถมีทั้งสองแบบได้พร้อมกันเลย?
วันนี้เหมียวจะพาพี่ ๆ มารู้จักกับ Active Income กับ Passive Income ให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ไม่ปวดหัว พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่าในชีวิตจริงเราจะจัดการรายได้สองแบบนี้ได้ยังไงบ้าง ใครที่อยากวางแผนการเงินหรืออยากเริ่มสร้างรายได้เพิ่ม บอกเลยว่าอ่านบทความนี้แล้วจะเห็นหนทางมากขึ้นแน่นอน!
Active Income คืออะไร? ออกแรงเยอะ แต่เงินเข้าชัวร์ดีจริงไหม
Active Income หรือ แอคทีฟอินคัม ก็คือรายได้ที่พี่มนุษย์ต้อง "ลงแรง" เพื่อแลกกับเงินทุกบาทที่เข้ามา ถ้าไม่ลงแรง ก็ไม่มีรายได้เข้ามานะ ซึ่งแรงที่ว่าก็อาจเป็นทั้ง แรงกาย เวลา หรือทักษะเฉพาะตัว ที่พี่มี เช่น ทำงานครบเดือน = ได้เงินเดือน หรือรับงานฟรีแลนซ์ออกแบบ = ได้ค่าจ้างรายชิ้น แบบนี้เรียก Active Income ทั้งหมดเลย
รายได้แบบนี้เกิดขึ้นจากการทำงานโดยตรง เช่น
- พนักงานบริษัท → ได้ เงินเดือน ประจำ
- ฟรีแลนซ์กราฟิกดีไซน์ → ได้ ค่าจ้างรายชิ้น
- พ่อค้าแม่ค้าในตลาด → ได้ รายได้รายวัน จากการขายของ
- อินฟลูเอนเซอร์ → ได้ ค่าจ้างรีวิว หรือค่าจ้างทำคอนเทนต์
- พนักงานขาย → ได้ ค่าคอมมิชชัน เมื่อปิดยอดขายได้
ข้อดีของ Active Income คือ ถ้าพี่ทำงานตามที่ตกลงไว้ พี่จะได้เงินแน่นอน เป็นรายได้ที่ "มองเห็นชัด ควบคุมได้" เหมาะกับคนที่ชอบความมั่นคง หรือยังต้องใช้เงินแบบต่อเนื่องทุกเดือน
แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เพราะ Active Income มักจะขึ้นอยู่กับ "เวลา" และ "สุขภาพ" ถ้าวันไหนพี่ป่วย งานหาย หรือโดนเลิกจ้าง ก็จะไม่มีเงินเข้ามาเลยทันที ไม่มีแรง = ไม่มีรายได้
สรุปง่าย ๆ: "ไม่ทำ = ไม่ได้เงิน" คือกฎเหล็กของรายได้แบบ Active Income!
Passive Income คืออะไร? ทำครั้งเดียวเงินเข้าตลอดไปมีจริงหรอ
Passive Income หรือ พาสซีฟอินคัม คือรายได้ที่พี่ไม่ต้องลงแรงซ้ำ ๆ ทุกวันเหมือน Active Income แต่ยังมีเงินเข้ามาได้เรื่อย ๆ แม้พี่จะนั่งชิลอยู่บ้าน ไปเที่ยว หรือหยุดพักก็ยังได้เงิน บางคนเลยเรียกว่า "รายได้ที่ไม่ต้องทำงานตลอดเวลา"
รายได้แบบ Passive Income มาจากการลงทุนหรือการสร้างอะไรบางอย่างไว้ในช่วงแรก แล้วค่อย ๆ เก็บเกี่ยวผลลัพธ์ เช่น
- ฝากเงินกินดอกเบี้ย
- ปล่อยเช่าคอนโด ได้ค่าเช่ารายเดือน
- ทำคลิป YouTube แล้วได้รายได้จากโฆษณา
- เขียนหนังสือ/เพลง ขายได้ตลอด
- ทำ Affiliate Program ได้ค่าคอมฯ จากลิงก์ที่คนกดซื้อ
- ซื้อหุ้น/กองทุนรวม แล้วรับเงินปันผล
ข้อดีคือ รายได้ไม่ผูกกับเวลาโดยตรง พี่สามารถมี "เงินไหลเข้า" โดยไม่ต้องทำงานทุกวัน
แต่ข้อจำกัดคือ ช่วงแรกต้อง "ลงทุน" ทั้งเวลา แรง หรือเงิน เช่น ทำคลิปก็ต้องตัดต่อก่อน หรือซื้อคอนโดก็ต้องมีเงินลงทุน
สรุปง่าย ๆ: ลงแรง-ลงทุนครั้งแรก แล้วให้เงินทำงานแทนเรา
Active Income และ Passive Income ทางเลือกที่ไปด้วยกันได้
บางคนพอได้ยินคำว่า Active Income vs Passive Income ก็แอบสงสัยในใจว่า "ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งรึเปล่า?" แต่ความจริงคือ...ไม่ต้องเลือกก็ได้นะพี่! รายได้สองแบบนี้อยู่ด้วยกันได้สบายมาก แล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้ชีวิตแบบมีทั้งสองทางควบคู่กันอยู่แล้วด้วย
ฝั่ง Active Income ก็เช่นงานที่เราต้องลงแรงถึงจะได้เงิน เช่น เป็นพนักงานออฟฟิศที่ได้เงินเดือนตอนสิ้นเดือน, เป็นช่างตัดผมที่รับลูกค้าทุกวัน หรือเปิดร้านกาแฟแล้วทำเองทุกแก้ว ได้เงินทุกครั้งที่ขายได้
แต่ในขณะเดียวกัน Passive Income ก็เริ่มแทรกเข้ามาได้แบบไม่รู้ตัว เช่น พี่ปล่อยเช่าห้องว่างในคอนโด → มีรายได้เข้าทุกเดือน หรือพี่แปะลิงก์ affiliate ของของที่ใช้จริง → ถ้ามีคนกดซื้อก็ได้ค่าคอมอีกต่างหาก หรือแม้แต่ขายเท็มเพลต Notion ใน Etsy วันดีคืนดีตื่นมาก็มีคนต่างประเทศซื้อไปแบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม
ฟังดูดีใช่มั้ยล่ะ มาลองดูตัวอย่างของคนที่ทำจริงกัน:
- น้อง A ทำงานประจำ 9-5 เป็นหลัก ได้เงินเดือนแน่นอน → หลังเลิกงานใช้เวลาว่างถ่ายคลิปปักตะกร้า แชร์ของใช้ที่ชอบลง TikTok กับ Lemon8 → วันหยุดรับงานรีวิวเล็ก ๆ บ้าง รายได้เสริมก็เริ่มเข้ามาเรื่อย ๆ
- คุณ B มีร้านกาแฟเล็ก ๆ ขายเองทุกวัน → ว่าง ๆ ก็ถ่ายคลิปสูตรกาแฟลง TikTok พร้อมแปะลิงก์อุปกรณ์กาแฟ → บางวันยอดปังก็ได้เงินจากปักตะกร้า → แถมยังมีช่อง YouTube แนว ASMR "1 day with Barista" ที่เริ่มมีรายได้จากโฆษณาเบา ๆ เข้ามาอีก
เห็นมั้ยพี่มนุษย์ ว่าจริง ๆ แล้วเราสามารถ "ทำงานหาเงินแบบลงแรง" ควบคู่กับ "ปล่อยให้เงินทำงานแทนเรา" ได้พร้อมกัน ไม่ต้องรอให้พร้อม 100% หรือมีเงินก้อนโต ขอแค่เริ่มจากสิ่งที่พี่มี และค่อย ๆ ขยับขยายไปเรื่อย ๆ
สรุปแบบเหมียว ๆ : ทำงาน = ได้เงิน / แต่ถ้าทำถูกจุด → พักก็ยังได้เงินได้นะ!
อยากเริ่มสร้างรายได้หลายทาง จัดการยังไงให้ปัง
ก่อนจะเริ่มหารายได้เสริม พี่ต้องมี เป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน ก่อน เช่น อยากเก็บเงินก้อน ซื้อบ้าน ใช้หนี้ หรือมีเงินเก็บไว้ยามฉุกเฉิน ลองหาคำตอบให้ได้ว่า เราทำไปเพื่ออะไร? หรือพูดง่าย ๆ คือหา Strong Why ของตัวเองให้เจอ
จากนั้นมาลอง เช็คตัวเองเบา ๆ ว่าพี่มี "เวลา" หรือ "ทักษะ" อะไรที่เอามาต่อยอดได้บ้าง เช่น
- มีเวลาเยอะ → เริ่มจาก ขายของออนไลน์, รับงานฟรีแลนซ์
- มีสกิลเฉพาะ → ลองเขียนบล็อก, ถ่ายคลิปแชร์ความรู้ลง TikTok หรือ YouTube Shorts
- ไม่อยากขายของเอง → แปะลิงก์ Affiliate จาก Shopee, Lazada, Gowabi ก็เป็นทางเลือกดี ๆ ที่เริ่มได้ง่ายเลย
ที่สำคัญคือ วางแผนให้ชัด และ ติดตามเป้าหมายทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ พี่สามารถใช้ตัวช่วยอย่าง แอปเหมียวจด ช่วยบันทึกรายรับรายจ่าย ดูภาพรวมว่าแต่ละทางที่ทำไป คุ้มมั้ย กำไรเท่าไหร่ เพื่อปรับแผนให้ดีขึ้นได้ตลอด
จำไว้เสมอ: รายได้เสริมที่ดี ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตตั้งแต่วันแรก แต่ขอแค่เริ่ม "ถูกจุด" และทำต่อเนื่อง พี่ก็มีโอกาสปังได้แน่นอน!
เคล็ดลับจัดการเงิน: เก็บเงินแยกบัญชี
พี่ที่มีทั้ง Active Income และ Passive Income แล้วยังรู้สึกว่าจัดการการเงินได้ไม่คล่อง ลองเทคนิคเก็บเงินแยกบัญชีดู: แยกบัญชีเก็บ บัญชีใช้ และบัญชีลงทุน เพื่อให้เงินแต่ละส่วนไม่ปะปนกัน กำหนดงบแต่ละเรื่องได้ง่าย แถมยังติดตามรายจ่ายง่ายขึ้นด้วย
แต่ถ้ามีหลายบัญชีจะงงมั้ย? เหมียวขอแนะนำ แอปเหมียวจด แอปจดรายจ่ายอัตโนมัติที่มีฟีเจอร์ตัวกรองธนาคารแยกดูรายจ่ายจากแต่ละบัญชีธนาคารได้ชัดเจน แล้วยังมีกราฟสรุป จะดูรายจ่ายรวมทั้งเดือนหรือแยกเป็นรายสัปดาห์ก็ง่ายและสะดวกสุด ๆ
สุดท้ายแล้ว Active Income กับ Passive Income ไม่มีแบบไหนดีกว่ากันแบบตายตัว พี่มนุษย์สามารถออกแบบให้มัน "ทำงานร่วมกัน" ได้ตามจังหวะชีวิตและเป้าหมายที่พี่อยากไปถึง บางช่วงอาจต้องเน้นแรงเพื่อเก็บเงิน บางช่วงอาจเริ่มหาทางให้เงินทำงานแทนเรา เพื่อให้ชีวิตมีอิสระมากขึ้น
และถ้าใครอยากเริ่มจัดการการเงินให้ดีขึ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ลองให้ เหมียวจด มาช่วยจดรายรับ-รายจ่ายดู แค่นี้ก็ถือว่าเป็นสเต็ปแรกของการวางการเงินที่ดีแล้ว
เรื่องราวที่เหมียวแนะนำ

ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ สุขใจ สบายกระเป๋าพร้อมแผนการเงินที่ยั่งยืน
ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ไม่ใช่แค่ใจสงบ แต่ยังช่วยให้จัดการการเงินดีขึ้น ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย เก็บเงินได้ง่าย และวางแผนอนาคตได้มั่นคง

Loud Budgeting คืออะไร? ทำความรู้จัก เทรนด์อวดประหยัดมาแรง
มาทำความเข้าใจกระแส Loud Budgeting เทรนด์อวดประหยัดมาแรงที่คนรุ่นใหม่พากันทำตาม กล้าเก็บ กล้าออม แบบดัง ๆ เพื่อเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน

4 วิธีวางแผนการเงินฉบับฟรีแลนซ์ ให้มั่นใจและมั่นคง
งานฟรีแลนซ์ คือ ทางเลือกการทำงานที่ไม่ขึ้นตรงกับบริษัท และตอบโจทย์คนยังอิสระมาก ๆ แต่ก็มาพร้อมการรายได้ที่ไม่แน่นอน แล้วเป็นฟรีแลนซ์ควรวางแผนการเงินยังไง?