How to จัดการเมื่อมีรายได้ไม่พอใช้ รายจ่ายมากกว่ารายรับ

ช่วงนี้ค่าครองชีพแพงขึ้นอย่างน่าตกใจ ประกอบกับพฤติกรรมการใช้เงินและปัญหาเรื่องรายได้ประจำ อาจทำให้พี่มนุษย์ต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้นจนรายจ่ายมากกว่ารายรับแบบไม่รู้ตัวได้ ซึ่งถ้าไม่รีบแก้ปัญหาให้ดีขึ้นล่ะก็ มีหวังเป็นหนี้ล้นหัวได้เลยนะ ดังนั้น การจัดการเงินไม่ให้รายจ่ายมากเกินไปจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

บทความนี้เหมียวมีวิธีจัดการง่าย ๆ เมื่อมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ พร้อมกับประโยชน์ที่ช่วยให้การเงินดีขึ้นมาฝากพี่ ๆ กัน เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารเงินให้เหลือใช้ทุกเดือน

ทำไมรายจ่ายถึงมากกว่ารายรับ?

ก่อนจะรู้วิธีจัดการเงินไม่ให้รายจ่ายมากกว่ารายรับนั้น เหมียวจะพาพี่ ๆ ไปดูต้นตอที่ทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้นไม่หยุดกันก่อน ซึ่งในชีวิตประจำวันมักจะเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ คือ

• มีรายได้ที่ไม่แน่นอน ทำให้รายได้ไม่ครอบคลุมกับรายจ่าย
• มีหนี้สินที่ต้องชำระจำนวนมาก
• ใช้จ่ายตามอารมณ์โดยไม่วางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้า

สาเหตุเหล่านี้นำไปสู่ภาวะรายได้ไม่พอรายจ่าย ซึ่งจะเริ่มด้วยอาการด้านล่างนี้

• มีเงินไม่พอใช้ไปจนถึงสิ้นเดือน ต้องหาแหล่งเงินใหม่มาหมุนสภาพคล่องตัวเอง
• ใช้เงินอนาคตด้วยการรูดบัตรหรือกดเงินสดจากบัตรเครดิต
• ยืมเงินในอนาคตมาใช้ เช่น กู้เงินสินเชื่อจากธนาคาร หรือกู้เงินนอกระบบ
• เอาเงินสำรองที่เก็บเพื่อจุดประสงค์อื่นมาใช้จ่ายจนไม่เหลือเงินเก็บ
• รู้สึกเครียดกับสถานะทางการเงินของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

ถ้าพี่ ๆ สังเกตตัวเองแล้วมีอาการเหล่านี้ ก็แปลว่า ถึงเวลาต้องหาวิธีแก้ไขแล้วหล่ะ

รายจ่ายมากกว่ารายรับ รายได้ไม่พอใช้ ทำยังไงดี?

เหมียวขอแนะนำให้พี่ ๆ วางแผนการใช้เงินก่อน จากนั้นทำตามวิธีบริหารจัดการเงินของตัวเองเพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้น้อยลง ซึ่งมีหลักการง่าย ๆ 4 ขั้นตอนด้วยกัน ได้แก่

1. บันทึกรายรับ-รายจ่ายออกมาก่อน

การบันทึกรายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือนจะช่วยให้พี่มนุษย์เห็นภาพได้ชัดมากขึ้นว่า รายได้มาจากไหน มีจำนวนเท่าไหร่ และรายจ่ายมีค่าอะไรบ้าง ตอนนี้เสียเงินกับอะไรมากที่สุด โดยสามารถใช้แอปเหมียวจดช่วยแจกแจงรายจ่ายทั้งเดือนออกมา ก็จะเป็นแนวทางให้จัดสรรการเงินที่เหมาะสมได้ไม่ยาก

2. แยกหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย

เมื่อพี่จดลิสต์รายได้และรายจ่ายออกมาได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปให้พี่ ๆ แยกหมวดหมู่ของรายจ่าย เช่น รายจ่ายส่วนนี้อยู่ในหมวดค่าใช้จ่ายจำเป็น รายจ่ายส่วนนั้นอยู่ในหมวดชอปปิงฟุ่มเฟือย และรายจ่ายส่วนนู่นเป็นเงินสำหรับออมเงินหรือลงทุน เป็นต้น

3. เรียงลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่าย

หลังจากที่พี่จัดหมวดหมู่ของรายจ่ายเรียบร้อยแล้ว พี่ ๆ ก็เรียงลำดับความสำคัญเลยว่า เงินหมวดหมู่ไหนจำเป็นต้องมีจริง ๆ ตัดออกไม่ได้ก็ให้ยังอยู่ในรายการใช้จ่ายของพี่ ๆ ส่วนเงินที่อยู่ในหมวดใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น กาแฟ สลากกินแบ่ง กระเป๋า ฯลฯ มีรายการไหนที่ตัดออกไปได้บ้าง เพื่อลดรายจ่ายให้น้อยลง และเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น

4. เคลียร์รายการหนี้ที่มีอยู่ให้น้อยที่สุด

นอกจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วที่ต้องตัดแล้ว หนี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่บั่นทอนสภาพคล่องทางการเงินของพี่ ๆ ไม่ใช่น้อย ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าหนี้ยังคงทำให้รายจ่ายมากกว่ารายรับล่ะก็ ให้ทำตามเหมียวแบบนี้

• ลิสต์รายการหนี้รวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย
• เคลียร์หนี้ที่ดอกสูงสุดก่อน จะช่วยให้ปลดหนี้ได้ไวขึ้น
• ติดต่อสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อขอประนอมหนี้ หรือเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของภาครัฐ

เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้พี่มนุษย์จัดการกับรายจ่ายที่มีมากกว่ารายรับได้อย่างดี ลดความกังวลว่าจะไม่มีเงินใช้ในช่วงสิ้นเดือนได้เยอะเลย

การจดรายจ่ายช่วยยังไงบ้าง?

การจดรายจ่ายอาจฟังดูเป็นเรื่องเล็ก แต่จริง ๆ แล้วมันคือเครื่องมือพื้นฐานที่ทรงพลังมากในการฟื้นฟูสถานะทางการเงินของพี่มนุษย์ โดยเฉพาะในช่วงที่ “รายจ่ายมากกว่ารายรับ” เพราะการจดรายจ่ายไม่เพียงแค่ช่วยให้เห็นภาพรวมของการใช้เงิน แต่ยังทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองได้ลึกขึ้นอีกด้วย และนี่คือประโยชน์จากการจดรายจ่ายที่พี่ ๆ จะได้รับ ได้แก่

ช่วยให้รู้ว่าเงินหายไปกับอะไรบ้าง

บางทีพี่มนุษย์ก็รู้สึกว่าเงินเดือนหายไปเร็วมาก แต่จำไม่ได้เลยว่าใช้ไปกับอะไรบ้าง พอได้จดทุกครั้งที่ใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่ากาแฟ หรือค่าของชิ้นเล็กชิ้นน้อย พี่ ๆ จะเริ่มเห็นภาพกระจ่างเลยว่าเงินส่วนใหญ่มักรั่วไหลไปกับอะไรบ้าง และตรงไหนที่สามารถปรับหรือลดได้โดยไม่ต้องลำบากเกินไป

ลดพฤติกรรมใช้เงินเกินตัว

แค่เห็นยอดรวมแต่ละวันหรือแต่ละอาทิตย์ พี่มนุษย์หลายคนก็เริ่ม “เอ๊ะ” แล้วว่า...เราจ่ายไปขนาดนี้เลยเหรอ!? การจดรายจ่ายช่วยให้เราชะลอการใช้เงินแบบไม่คิดก่อน และเริ่มตัดสินใจอย่างมีสติขึ้น ไม่ใช้เงินตามใจแบบเมื่อก่อน

การเสริมสร้างวินัยทางการเงิน

เหมือนกับการออกกำลังกาย ถ้าจดรายจ่ายเป็นประจำ พี่ ๆ ก็จะเริ่มชินกับการใส่ใจเรื่องเงินมากขึ้น รู้ว่าควรใช้เมื่อไร และต้องกันเท่าไหร่ในแต่ละเดือน มันอาจดูเล็กน้อยในตอนแรก แต่พอทำต่อเนื่อง จะเห็นเลยว่านิสัยทางการเงินของเราดีขึ้นแบบไม่รู้ตัว

มีเงินฉุกเฉินใช้ยามจำเป็น

มีเงินฉุกเฉินใช้เมื่อพี่มนุษย์รู้รายรับ–รายจ่ายของตัวเองแบบแม่น ๆ แล้ว การกันเงินสำรองไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมบ้าน หรือค่าเดินทางฉุกเฉิน ก็จะทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องวิ่งวุ่นยืมเงินหรือรูดบัตรเครดิตในเวลาจำเป็น

จัดการรายจ่ายไม่ให้มากกว่ารายรับด้วย ‘แอปเหมียวจด’

การบริหารจัดการเงินของพี่ ๆ ไม่ให้รายจ่ายมากกว่ารายรับเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ เพราะมีส่วนทำให้เราเป็นหนี้ก้อนใหญ่โดยไม่รู้ตัว และนำไปสู่ปัญหาทางการเงินในระยะยาวได้

พี่ ๆ ที่อยากวางแผน หรือคุมงมของตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ลองโหลด แอปเหมียวจด มาไว้ดู เพราะแอปนี้ช่วยจดบันทึกรายรับรายจ่ายแบบอัตโนมัติ ให้พี่ ๆ รู้ทันการเงินของตัวเองได้ง่าย ๆ เลย

• จดรายจ่ายอัตโนมัติจากสลิปโอนเงินที่อยู่ในเครื่อง แค่เปิดแอปก็จดให้เลย
• สรุปค่าใช้จ่ายให้เห็นภาพรวม เช็กได้ว่าเสียเงินไปกับค่าใช้จ่ายอะไรมากที่สุด
• เพิ่มรายการได้ด้วยตัวเอง จะเงินเดือน เงินโบนัส จ่ายบัตรเครดิต หรือจ่ายเงินสดก็จดได้
• จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายได้ เช่น เงินใช้จ่ายจำเป็น ค่ากาแฟ ค่าชอปปิง ค่าลงทุน หรืออื่น ๆ
• สร้างแฮชแท็ก (#) เพื่อติดตามการรายจ่าย #ซื้อกาแฟ #ซื้อกระเป๋า หรือ #ค่าใช้จ่ายจำเป็น
• มีกราฟสรุปการใช้จ่าย ช่วยเปรียบเทียบการใช้เงิน วางแผนจัดการรายจ่ายได้ง่ายขึ้น

แค่มีแอปเหมียวจดติดเครื่องไว้ ก็ช่วยให้พี่ ๆ ติดตามค่าใช้จ่ายและบริหารจัดการเงินได้ง่ายขึ้นเยอะ

เริ่มใช้เหมียวจด