รับมืออย่างไร เมื่อ “ค่าครองชีพในไทย” สูงเกินกว่าเงินเดือน?

Meowjot11 มิ.ย. 68
เงินเฟ้อค่าครองชีพในไทยสูงขึ้น

เงินก็เฟ้อ ของก็แพง เงินเดือนก็ไม่ขยับ แบบนี้จะทำยังไง?

เหมียวเชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยตั้งคำถามนี้กับตัวเอง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ค่าครองชีพในไทยดูจะที่พุ่งสูงขึ้นแบบไม่มีหยุด แต่รายรับดูจะไม่ขึ้นเลย

เมื่อพูดถึง “ค่าครองชีพในไทย” พี่มนุษย์อาจจะนึกถึงค่าอาหาร ค่าที่พัก หรือค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ในชีวิตประจำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรายังมี ค่าครองชีพล่องหน เป็นอีกหลายรายการต้องแบกรับโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

แล้วค่าครองชีพในไทยมีอะไรบ้าง หนักหนาสาหัสแค่ไหน และเราจะปรับตัวยังไงให้รายจ่ายไม่เกินรายรับ มีเงินเก็บ ใช้ชีวิตได้แบบไม่กัดฟัน มาไขข้อสงสัยไปพร้อมกับเหมียวในบทความนี้กันเลย

ค่าครองชีพ คืออะไรกันแน่?

โดยทั่วไปแล้ว ค่าครองชีพ (Cost of Living) หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต เช่น ค่าอาหาร  ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายพื้นฐานอื่น ๆ แต่พี่ ๆ เชื่อมั้ย ในชีวิตคนเรายังมี ค่าครองชีพแฝง ที่หลายคนไม่ทันระวัง ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ หนี้สินและภาษี นั่นเอง

เริ่มกันที่หนี้สินก่อน ถ้าเรามองกันจริง ๆ โดยเฉพาะในปี 2567 ที่ราคาสินค้าและบริการทุกอย่างปรับสูงขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ ทำให้พี่ ๆ มนุษย์หลายคนมีความจำเป็นต้องกู้หรือผ่อนเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้จนทำให้ “หนี้สินพร้อมดอก” กลายมาเป็นค่าครองชีพแฝงที่ต้องแบกรับในที่สุด

โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยบอกไว้ว่า คนไทยส่วนใหญ่ยอมหนี้เพื่อ “ใช้ชีวิต” มากกว่าอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินเพื่อจ่ายค่าเทอมลูก การใช้บัตรเครดิต หรือ การกู้สินเชื่อเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเรียกได้ว่า เป็นหนี้เพื่อการอยู่รอด นั่นเอง

อีกหนึ่งสิ่งก็คือ ภาษี ที่ถือเป็นค่าครองชีพแฝงที่หลาย ๆ คนอาจจะลืมไป เช่น พี่ ๆ วัยทำงานทุกคนต้องจ่ายภาษีเงินได้ในทุก ๆ ปี แถมยังมีภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ที่แฝงอยู่ในแทบจะสินค้าและบริการ และไหนจะภาษีทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ หรือคอนโดอีก

อ่านมาถึงตรงนี้ เหมียวขอสรุปสั้น ๆ เลยว่า ค่าครองชีพไม่ได้มีแค่ค่ากินและค่าที่อยู่อาศัยแล้ว แต่มันยังมีค่าการใช้ชีวิตที่รวมถึงภาษีและหนี้สินด้วย พอรู้แบบนี้ เรายิ่งต้องแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายให้ดี ๆ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเพื่อ “ไลฟ์สไตล์” ที่อาจทำให้เกิดหนี้โดยไม่จำเป็นก็ได้

เกิดอะไรขึ้นกับค่าครองชีพในไทยปี 2567?

จากข้อมูลของ Numbeo (Q1 2025) กับรายงานของ ThaiPBS พบว่า ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของประชาชน

โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เหมียวพบว่า รายได้เฉลี่ยคนไทยต่อครัวเรือนของพี่มนุษย์ในปี 2567 อยู่ที่ 29,518 บาทต่อเดือน แต่รายจ่ายอยู่ที่ 27,510 บาท

เห็นตัวเลขแล้ว อาจจะคิดว่างั้นก็ยังจะพอมีเงินเหลือประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน แต่จริง ๆ แล้ว เหมียวบอกเลยว่า ตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึงหนี้สิน ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ค่าหมอ-ค่ายา หรือค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ เลย

แปลว่า พอเปรียบเทียบรายได้เฉลี่ยกับค่าครองชีพในไทยจริง ๆ แล้ว ยังมีพี่มนุษย์หลายคนเลยที่ต้องเสี่ยงกับปัญหาติดลบ ไม่พอใช้ หรือหมุนเดือนชนเดือน

รับมืออย่างไรกับค่าครองชีพแต่ละเดือน

คนไทยใช้จ่ายกับอะไรมากที่สุด?

อ่านมาถึงตรงนี้ เหมียวเชื่อว่า พี่หลายคนคงเคยมีความคิดว่า ที่เราไม่มีเงินเหลือ มันมาจากการใช้ฟุ่มเฟือยรึเปล่า

เหมียวเลยอยากพอไปดูตัวเลขจากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปีพ.ศ. 2566 กันหน่อยว่า แล้วคนไทยส่วนใหญ่ใช้เงินไปกันอะไรบ้าง

หมวดหมู่

% ของรายได้

ค่าอาหารและเครื่องดื่ม (ไม่รวมแอลกอฮอล์)

33.6%

ค่าที่อยู่อาศัย (ค่าเช่า, ค่าน้ำ, ค่าไฟ)

21.1%

ค่าเดินทางและคมนาคม

13.5%

ค่ารักษาพยาบาล

6.4%

ค่าการศึกษา

4.7%

การสื่อสาร (มือถือ, อินเทอร์เน็ต)

3.2%

อื่น ๆ (หนี้สิน, ของใช้ฟุ่มเฟือย, งานสังคม)

17.5%

เห็นได้ว่า อาหารและค่าที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องที่เราเสียเงินมากที่สุด ซึ่งเมื่อมาดูจริง ๆ ก็คิดเป็นครึ่งหนึ่งของเงินทั้งเดือนแล้ว เห็นได้เลยว่า พี่ ๆ ไม่ได้ฟุ่มเฟือย แต่เสียเงินเพื่อให้อยู่ได้ในทุก ๆ วันเท่านั้นเอง

อยู่ต่างจังหวัด ค่าครองชีพจริงถูกกว่าจริงมั้ย?

พอพูดถึงค่าครองชีพในไทย หลายคนก็ต้องสงสัยเรื่องค่าใช้จ่ายในกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดแน่ ๆ เหมียวขอตอบสั้น ๆ ว่า จริง แต่ขออธิบายเพิ่มแบบนี้

ในปัจจุบัน ค่าจ้างขั้นต่ำในไทยจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 353 บาท/วัน หรือ 10,590 บาท/เดือน โดยแบ่งเป็น

  • กรุงเทพมหานคร มีค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 375 บาท/วัน หรือประมาณ 11,250 บาท/เดือน
  • ต่างจังหวัดบางแห่ง เช่น แม่ฮ่องสอน หรือศรีสะเกษ ยังคงอยู่ที่ 330–340 บาท/วัน หรือ 9,900–10,200 บาท/เดือน

แน่นอนว่า กรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่ายพื้นฐานสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็น

  • ค่าที่พัก ที่เริ่มต้นเฉลี่ย 6,000 บาท/เดือน
  • ค่าเดินทางเฉลี่ย ไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท/เดือน
  • ค่าอาหาร ที่แพงกว่าต่างจังหวัดราว 20% - 30%

ซึ่งในต่างจังหวัด แม้จะมีค่าครองชีพจะต่ำกว่า แต่โอกาสด้านการสร้างรายได้ก็น้อยกว่าเหมือนกัน ทั้งในเรื่องการหารายได้เสริม ไปจนถึงโอกาสในการหางานประจำที่จะให้เงินเดือนไปเพียงพอต่อค่าครองชีพในไทยโดยรวม

อย่าลืมลงทุนด้วย

ค่าครองชีพในไทยสูงขึ้นต่อเนื่อง รับมืออย่างไรดี?

พี่ ๆ อย่าเพิ่งท้อใจ เพราะเหมียวจะบอกว่า ถึงแม้เราจะควบคุมสภาพเศรษฐกิจไม่ได้ แต่เราก็มีวิธีบริหารเงินที่จะช่วยรับมือกับค่าครองชีพในไทยที่ดีดตัวอยู่ตลอด เหมียวขอแนะนำให้ลองทำตาม 6 ขั้นตอน ดังนี้

1. แยกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นออกมาก่อน

ค่าครองชีพในไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ ในขั้นแรกเหมียวขอแนะนำให้พี่ ๆ มาเริ่มที่รายจ่ายในชีวิตประจำวันดูก่อน แล้วดูว่า ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมีอะไรบ้าง เช่น ค่าน้ำ-ไฟ, ค่าเน็ต หรือผ่อนคอนโด แล้วแบ่งเงินออกมาเพื่อจ่ายส่วนนี้ไปก่อนเลย

หลังแบ่งจ่ายส่วนที่จำเป็นไปแล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินที่เราสามารถใช้ได้ แล้วค่อยมาดูว่าสามารถลดตรงไหนได้มั้ย ซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยสร้างวินัยการออมได้ โดยที่เรายังมีเงินเหลือเพื่อความสุขของตัวเองอยู่

2. ทำรายรับ-รายจ่ายให้เห็นภาพจริง

การทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะสามารถช่วยให้พี่ ๆ เห็นภาพรวมทางการเงินของตัวเองมากขึ้น ซึ่งเหมียวขอแนะนำให้แบ่งหมวดหมู่สัก 3-5 หมวด เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายจุกจิก

แต่หากพี่ ๆ คนไหนไม่มั่นใจว่าจะเริ่มทำบัญชีรายรับและรายจ่ายยังไงดี ลองโหลด แอปเหมียวจด มาไว้ในเครื่องดู โดยเหมียวจะมาช่วยพี่จดรายรับรายจ่ายอัตโนมัติจากสลิปโอนเงิน จัดหมวดหมู่ให้ได้ด้วยถ้าจ่ายให้ร้านที่เหมียวรู้จัก แถมยังเลือกจดรายรับรายจ่ายเองได้ด้วยนะ [ส่องฟีเจอร์แอปเหมียวจด]

3. รู้จัก “บริหารหนี้” ไม่ใช่แค่ “จ่ายหนี้”

รู้หรือเปล่าว่า ถ้าพี่ ๆ บริหารหนี้เป็น ก็จะยิ่งช่วยปิดหนี้ได้ไว แถมเราไม่ต้องทนจ่ายดอกเบี้ยมหาศาลด้วย แต่อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับประเภทของหนี้ด้วยนะ

เช่น พี่ ๆ ควรเลือกจัดการหนี้สินที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน หรือ เลือกจัดการหนี้สินที่สามารถบริหารดอกเบี้ยได้ รีไฟแนนซ์ได้ หรือ สามารถปิดหนี้สินก่อนโดยไม่เสียค่าปรับ แบบนี้ก็จะช่วยให้ปิดหนี้ไว ไม่เครียดกับดอกเบี้ยด้วย

จำไว้ว่า ก้อนไหนดอกเยอะ ก้อนไหนปิดได้ จัดการก่อนเลย!

4. เริ่มสะสมเงินสำรอง แม้เล็กน้อยก็มีค่า

พอเริ่มจัดการรายจ่ายได้แล้ว พี่ ๆ อย่าลืมตั้งเป้าเก็บ “เงินสำรองฉุกเฉิน” ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน หากเก็บสะสมอย่างต่อเนื่อง เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถสะสมเป็นเงินก้อนที่อาจจำเป็นต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินอื่น ๆ ในอนาคตได้นะ

5. อย่าลืมลงทุนด้วย

เก็บเงินสำรองไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว อย่าลืมจัดสัดส่วนเงินมาลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ตามความเสี่ยงที่รับไหวด้วยนะพี่ เก็บเล็กผสมน้อย ค่อย ๆ โตไป ยังไงก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ

เช่น พี่ ๆ อาจจะเลือก DCA หรือ ลงทุนสม่ำเสมอในกองทุน หรือ สินทรัพย์การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือ ถ้ามีประสบการณ์หน่อยก็อาจขยับมาลงทุนที่ความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อต่อยอดเงินเก็บเงินไปยังเป้าหมายการเงินที่ฝันไว้

รู้จักบริหารรายจ่ายหนี้

อย่าโทษตัวเอง ค่าครองชีพไม่ใช่แค่วินัยส่วนตัว

หากพี่ ๆ รู้สึกว่าตัวเองใช้เงินไม่เป็น ไม่มีวินัย รู้สึกผิดที่เป็นหนี้ หรือ รู้สึกแย่ที่ไม่มีเงินเก็บเป็นของตัวเอง เหมียวขอบอกไว้เลยว่า พี่ ๆ ไม่ได้ล้มเหลวเลยนะ เพราะอย่าลืมว่า ปัญหาเงินเฟ้อและรายได้ไม่กระดิก มันล้วนเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ทั้งนั้นเลย

แต่แค่เราหันมาติดตามรายจ่ายของตัวเอง และลองหาวิธีปรับเปลี่ยนวิธีการใช้เงิน แค่นี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้เราวางแผนการเงินได้ดีขึ้นแล้ว เพื่อให้รับมือกับค่าครองชีพในไทยที่สูงขึ้นได้แล้ว

พี่ ๆ รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมนำวิธีที่เหมียวนำมาฝากไปปรับใช้ แล้วอย่าลืมลองโหลดแอปเหมียวจด มาช่วยติดตามรายรับรายจ่ายของตัวเองดู ใช้ได้ฟรี ๆ ไม่ต้องเสียตังค์เลยนะ

เริ่มใช้เหมียวจด

เรื่องราวที่เหมียวแนะนำ

“นิสัยคนรวย” ที่ฝึกได้ไว้ตั้งแต่วันนี้ สำหรับคนอยากรวย

“นิสัยคนรวย” ที่ฝึกได้ไว้ตั้งแต่วันนี้ สำหรับคนอยากรวย

คนรวยเริ่มจากอะไร เป็นคำถามง่ายๆ ที่ยากจะตอบ แต่ถ้าเหมียวจะบอกว่าความรวยเริ่มจากการฝึกนิสัยคนรวย พี่ๆ จะเชื่อมั้ย ใครอยากรวย อยากเพิ่มรายได้ รู้ไว้ดีกว่า

Meowjot11 มิ.ย. 68
How to จัดการเมื่อมีรายได้ไม่พอใช้ รายจ่ายมากกว่ารายรับ

How to จัดการเมื่อมีรายได้ไม่พอใช้ รายจ่ายมากกว่ารายรับ

รายจ่ายมากกว่ารายรับ รายได้ไม่พอใช้ ทำยังไงดี? บทความนี้เหมียวมีวิธีจัดการง่าย ๆ เพื่อช่วยพี่มนุษย์วางแผนจัดการเงินของตัวเองให้ไม่ติดลบ มีเงินเหลือเก็บแบบชิล ๆ

Meowjot11 มิ.ย. 68
อยากใช้เงินคล่องเหมือนคนอื่น ต้องรู้ 7 วิธีสร้างอิสรภาพทางการเงิน

อยากใช้เงินคล่องเหมือนคนอื่น ต้องรู้ 7 วิธีสร้างอิสรภาพทางการเงิน

อิสรภาพทางการเงินสร้างได้ด้วย 7 วิธีนี้ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายและมีอิสระไปจนถึงวัยเกษียณ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินและหนี้สิน

Meowjot11 มิ.ย. 68