ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ สุขใจ สบายกระเป๋าพร้อมแผนการเงินที่ยั่งยืน
ในสังคมที่มีแต่ความเร่งรีบ พี่มนุษย์หลายคนอาจอยากลองใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้พักบ้าง ซึ่งชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ไม่ได้หมายความว่าพี่มนุษย์ต้องย้ายไปอยู่นอกเมือง ตื่นสาย ๆ ปลูกผัก ทำสวน แล้วตัดขาดจากโลกภายนอก แต่สโลว์ไลฟ์คือการใช้ชีวิตให้ "ช้าลง" เพื่อเลือกให้เวลากับสิ่งสำคัญกับชีวิตในช่วงนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเอง การทำงาน หรือการเงิน
ชีวิตที่เร่งรีบมักพาให้เราใช้เงินแบบไม่ทันยั้งคิด ไม่ว่าจะกดสั่งของออนไลน์เพราะเห็นโปรโมชัน หรือซื้อของตามคนอื่นจะได้ไม่ตกเทรนด์ จนทำให้เงินรั่วไหลไปกับสิ่งไม่จำเป็นโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเลือกใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ พี่ ๆ ก็จะมีเวลาหยุดคิดก่อนจ่าย เลือกวางแผนและเก็บออมได้อย่างมีเป้าหมาย รวมถึงใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่ามากขึ้นด้วยนะ
ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ที่แท้ทรู เป็นยังไง
การใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ คือ การเลือกชะลอชีวิตในแต่ละวันให้ช้าลงอย่างสติ และไม่ไหลไปตามกระแสความเร่งรีบของสังคมตลอด ซึ่งมี 4 แง่มุมหลัก ๆ ดังนี้
Sustainable Living (การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน): เลือกสิ่งที่สร้างประโยชน์ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหารการกิน กิจกรรมที่ทำ ของใช้ ไปจนถึงการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ
Mindful Living (การใช้ชีวิตอย่างมีสติ): ใส่ใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และให้เวลากับสิ่งที่เติมคุณค่าให้กับชีวิตจริง ๆ เช่น การกินอาหารที่มีประโยชน์ การดูแลสุขภาพ หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว
Minimalism (เน้นความเรียบง่าย ลดของฟุ่มเฟือย): เลือกจ่ายให้กับสิ่งที่มีคุณภาพ ใช้งานได้ และจำเป็นจริง ๆ และลดการซื้อที่ไม่จำเป็น
Anti-Fast-Paced Culture (ต่อต้านวัฒนธรรมเร่งรีบ): ไม่กดดันตัวเองตามกระแสหรือการแข่งขัน เน้น Work-Life Balance มากกว่าการทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัว
รู้หรือไม่? แนวคิดสโลว์ไลฟ์เริ่มมาจากร้านแมคโดนัล
แนวคิดสโลว์ไลฟ์มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลีในช่วง 1980s–1990s จาก "Slow Food Movement" ของ Carlo Petrini ที่เกิดขึ้นเพื่อคัดค้านการเปิดสาขาร้าน McDonald's ในกรุงโรม โดยหัวใจของ Slow Food Movement คือการชวนให้คนกินอาหารที่มีคุณภาพ: เลือกวัตถุดิบท้องถิ่นที่สด ใหม่ ปลอดภัย และปรุงด้วยความใส่ใจ แทนที่จะเลือกกินฟาสต์ฟู้ดนั่นเอง
พอเวลาผ่านไป แนวคิดนี้ก็แพร่หลายและพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ โดยเป็นไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ จิตใจ และชีวิตการเงินแบบยั่งยืน
4 เหตุผลที่ "ชีวิตสโลว์ไลฟ์" เป็นเคล็ดลับการเงินที่คนยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม
1. มีเวลาคิดก่อนใช้จ่าย
เมื่อไม่เร่งรีบ เราจะไม่ตัดสินใจใช้เงินแบบหุนหันพลันแล่น แต่จะมีเวลาทบทวนว่า "สิ่งนี้จำเป็นจริงไหม" ส่งผลให้การใช้เงินรอบคอบขึ้น
2. มองเห็นรายจ่ายฟุ่มเฟือยได้ง่ายขึ้น
ชีวิตที่ช้าลงทำให้เรามีเวลาเช็กพฤติกรรมการใช้เงินในแต่ละวัน เช่น การซื้อกาแฟแก้วละร้อยทุกวันอาจไม่จำเป็น เมื่อรู้ตัว เราก็เริ่มตัดค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ ที่รวมกันแล้วเป็นเงินก้อนใหญ่
3. ค่อย ๆ วางแผนระยะยาวโดยไม่กดดันตัวเอง
สโลว์ไลฟ์ไม่ใช่การหยุด แต่คือการก้าวไปข้างหน้าอย่างมีจังหวะ เราสามารถตั้งเป้าหมายการเงิน เช่น การมีเงินเก็บ 6 เดือนของรายจ่าย แล้วค่อย ๆ เดินตามแผนนั้นโดยไม่เครียดจนเกินไป
4. ลดความเครียดทางการเงิน
การใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ ทำให้เราไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นจนกดดันตัวเอง การมุ่งโฟกัสกับเป้าหมายส่วนตัวจึงช่วยลดความกังวลเรื่องการเงิน และทำให้สุขภาพใจดีขึ้นด้วย
สรุปก็คือ สโลว์ไลฟ์ช่วยให้พี่ ๆ ได้ "คิดก่อนใช้" และตัดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้เยอะ เช่น จากเดิมที่เคยซื้อเสื้อผ้าหรือไอเท็มแฟชั่นตามกระแส ตอนนี้เปลี่ยนมาเลือกของที่จำเป็นและใช้ได้นาน ส่งผลให้เหลือเงินออมมากขึ้น และยังทำให้การวางแผนอนาคต เช่น การลงทุน หรือการสร้างกองทุนฉุกเฉิน เป็นไปได้ง่ายกว่าเดิม
สโลว์ได้ แต่รวยด้วย! 4 วิธีใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ให้แผนการเงินดีขึ้น
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า "สโลว์ไลฟ์" คือการไม่ทำงาน ไม่ขยัน หรือปล่อยชีวิตไปตามสบาย แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย คนที่ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์คือคนที่ "เลือก" ใช้เวลาและเงินไปกับสิ่งที่มีคุณค่า ไม่ไหลตามกระแสการใช้จ่ายเกินตัว และนี่แหละคือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้การวางแผนการเงินแข็งแรงขึ้น และมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
1. ตั้งงบใช้เงินอย่างมีสติ
คนสโลว์ไลฟ์มักไม่ใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือย แต่รู้จักแยกแยะว่าอะไรจำเป็นจริง ๆ ทำให้เงินที่ออกไปทุกบาทมีคุณค่ามากกว่า และเหลือเก็บมากขึ้น
2. ใช้เวลาเติมพลังกับธรรมชาติแทนการใช้เงิน
การเดินป่า อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะ ช่วยให้ใจอิ่มเอมและผ่อนคลาย โดยไม่ต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายก้อนโต
3. ลดรายจ่าย-เพิ่มเงินเก็บ
เมื่อชีวิตไม่เร่งรีบ เราจะมีเวลาคิดก่อนซื้อ ไม่ตกหลุมโปรโมชันที่ล่อตาล่อใจง่าย ๆ ทำให้การเงินเป็นระบบและมีโอกาสเก็บเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ
4. ช่วยวางแผนการเงินระยะยาว
สโลว์ไลฟ์ทำให้เรามีเวลาทบทวนเส้นทางชีวิต คิดเป้าหมายระยะยาว เช่น แผนเกษียณ การลงทุน หรือการสร้างทรัพย์สินต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น พี่มนุษย์ A เป็นพนักงานออฟฟิศที่เปลี่ยนมาลองใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ เลิกช้อปปิ้งออนไลน์ทุกสุดสัปดาห์ แล้วหันไปปลูกต้นไม้และออกกำลังกายแทน ทำให้รายจ่ายรายเดือนลดลงกว่า 30% เงินเก็บในบัญชีเพิ่มขึ้น และมีเวลาเริ่มต้นศึกษาการลงทุนเพื่ออนาคต
สุดท้ายแล้ว "สโลว์ไลฟ์" ไม่ใช่แค่การใช้ชีวิตช้า ๆ อย่างสงบ แต่คือการมีสติ รู้จักคุณค่าของเวลาและเงิน เมื่อวางแผนดี เงินก็เติบโต และชีวิตก็สมดุลมากขึ้นจริง ๆ
สโลว์ไลฟ์ ไม่ได้ช้า แต่คือความชัดเจนในเส้นทางชีวิต
การใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ไม่ใช่การปล่อยชีวิตไปวัน ๆ แต่คือการมีเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วค่อย ๆ เดินไปหามันอย่างมีสติและไม่เร่งรีบ วิธีนี้ช่วยให้พี่มนุษย์มองการเงินได้ชัดขึ้น เพราะเราจะคิดก่อนใช้เงิน จัดลำดับความสำคัญ และวางแผนอนาคตอย่างเป็นระบบ
สำหรับพี่ ๆ ที่อยากเริ่มใช้ชีวิตให้ช้าลงและเริ่มสร้างนิสัยที่ดีทางการเงิน เหมียวแนะนำให้ แอปเหมียวจด แอปจดรายรับรายจ่ายอัตโนมัติที่จะให้พี่ ๆ ใช้จ่ายได้อย่างมีสติ ติดตามการเงินของตัวเองได้ชัด ๆ และวางแผนได้ง่ายขึ้น
จดรายจ่ายอัตโนมัติจากสลิปโอนเงิน ไม่ว่าจะจ่ายจากบัญชีธนาคารไหน แค่เปิดแอป เหมียวก็จดให้
จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายได้ เช่น อาหาร ของใช้จำเป็น หรือช้อปปิ้ง เห็นได้ชัดเจนว่า จ่ายเงินไปทางไหนมากที่สุด และสามารถประหยัดตรงไหนได้บ้าง
สร้างแท็ก# เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายเฉพาะเรื่อง ไม่ว่าจะเช่น #เมคอัพ #กินข้าวนอกบ้าน หรือ #เติมเกม ก็ตามได้
มีกราฟสรุปค่าใช้จ่าย ดูได้ทั้งรายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี ช่วยให้เห็นนิสัยการจ่ายและให้พี่ ๆ วางแผนการเงินได้ดีขึ้น
การชะลอจังหวะความเร็วชีวิตพร้อมมีผู้ช่วยดี ๆ อย่างเหมียวจด จะช่วยให้พี่สุขใจและสบายกระเป๋า พร้อมเดินตามเป้าหมายทางการเงินอย่างมั่นคง
เรื่องราวที่เหมียวแนะนำ

ชีวิตเลิศ งานปัง! 7 ทริคเวิร์กไลฟ์บาลานซ์ทำได้ไว ทำได้จริง
เวิร์กไลฟ์บาลานซ์ หรือ Work-life Balance สร้างได้ง่าย ๆ แค่รู้ทริก จัดสมดุลชีวิตและงานได้ไว ทำงานปัง แถมสุขภาพจิตไม่พัง ไม่เครียด

5 วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ปิดหนี้ไว ไม่เบียดการใช้ชีวิต
รู้วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็วที่สามารถใช้ได้กับคนทุกเจน ทุกอาชีพ เพื่อลดต้นลดดอกและปิดหนี้บ้านได้ก่อนอายุ 50 ปี พร้อมตัวช่วยวางแผนผ่อนบ้านที่ง่ายและสะดวก

ทริกสอนลูกเรื่องการเงิน เข้าใจง่าย สร้างนิสัยการเงินที่ดี
การสอนลูกเรื่องการเงินไม่ใช่เรื่องยากและไม่ต้องรอให้น้องโตก่อน โดยนิสัยการออม การจ่ายอย่างฉลาด และการวางแผนใช้เงินเป็นสกิลที่ฝึกได้ตั้งแต่เด็ก ๆ เลย